เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ บ้านที่กำลังจะหายไปของ นีโม

เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ บ้านที่กำลังจะหายไปของ 'นีโม'

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


หลังจากพลพรรคปลาการ์ตูนและผองเพื่อน ใน Finding Nemo ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทั้งเงินและกล่องไปเมื่อปี 2003
ปีนี้ มาร์ลินและดอรี่ กลับมาขึ้นจอใหญ่ตามหาลูกชายกันอีกครั้งในแบบ 3 มิติ ที่ทำให้เราได้ใกล้ชิด และดำดิ่งสู่น่านน้ำและแนวปะการัง เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ ของออสเตรเลียกันแบบใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่ยังไม่เคยดูหรืออาจจะลืมเลือนเรื่องราวกันไปบ้างแล้ว ก็ขออนุญาตเล่าย่อๆ ว่า Finding Nemo เป็นเรื่องการผจญภัยของครอบครัวปลาการ์ตูนที่อาศัยอยู่ใน เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ และเกิดโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าจนเหลือกันเพียงสองตัวพ่อลูก และทำให้ "มาร์ลิน" (พากย์โดย อัลเบิร์ต บรู๊คส์) กลายเป็นพ่อที่ห่วงลูกชายมากจนเกินเหตุ และมีส่วนผลักดันให้ ลูกชาย "นีโม" (พากย์โดย อเล็กซานเดอร์ กูลด์) รู้สึกอยากท้าทายผู้เป็นพ่อ จนถูกจับตัวไปจากบ้านของเขาและไปลงเอยอยู่ในตู้ปลาของหมอฟันคนหนึ่งในซิดนีย์

มาร์ลินจึงจำเป็นต้องออกเดินทางตามหาลูกชาย โดยได้รับความช่วยเหลือของปลาบลูแทงจ์ “ดอรี่” (พากย์โดย เอลเลน ดีเจเนอเรส) ผู้เป็นมิตรแต่มีข้อเสียคือความจำสั้นมาก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำให้การเดินทางของมาร์ลินเพื่อตามหาลูกชายของเขานั้นยากขึ้นหรือง่ายลงกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือ ความสนุกสนานจากการเดินทางไกล การเรียนรู้ที่จะกล้าเผชิญหน้ากับชีวิต ความรักระหว่างพ่อลูกและมิตรภาพระหว่างเพื่อน

หลังจากดูFinding Nemo ก็ทำให้เราย้อนนึกถึงเรื่องราวของ เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ ที่ได้ยินได้ฟังมานานและข่าวคราวล่าสุดที่ชวนให้ใจหายไม่น้อย เพราะครั้งหนึ่งเคยร่ำเรียนกันมาว่า เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ เป็นแนวปะการังนอกชายฝั่งที่ว่ายาวที่สุดในโลก ซึ่งเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของปะการัง สัตว์น้ำนานาชนิดและความงามใต้ท้องทะเลนั้นสวยเหมือนสวรรค์ใต้ผืนน้ำ...สวรรค์ที่ทอดตัวยาวไกลกว่า 2,000 กิโลเมตร นอกชายฝั่งของรัฐควีนส์แลนด์ ยิ่งใหญ่จนสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ... และเพราะความอุดมสมบูรณ์และความยิ่งใหญ่นี้เอง ที่ทำให้เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี 1981

นั่นคือ ข้อมูลที่เราจดจำกันมาสัก 10-20แล้ว หรือเอาใกล้ๆ ก็ตั้งแต่ปี 2003 ที่นีโมออกฉาย แต่ตอนนี้มีผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ จากสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลออสเตรเลีย และมหาวิทยาลัยโวลลองกอง ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อต้นเดือนตุลาคมนี้ แสดงให้เห็นว่าแนวปะการังแห่งนี้ สูญหายไปถึงครึ่งหนึ่งในช่วงเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา และหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ อาจหายไปจนหมดสิ้น ในปี พ.ศ. 2565

สาเหตุหลักที่ทำให้ปะการังถูกทำลาย มาจากพายุโซนร้อนรุนแรง การระบาดของดาวมงกุฎหนาม หรือปลาดาวหนาม ที่กัดกินปะการัง และเกิดจากปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งรุนแรง ในปี 2541 และ 2545 เนื่องจากน้ำทะเลในมหาสมุทร มีอุณหภูมิสูงขึ้น ส่งกระทบต่อแนวปะการังบริเวณตอนกลางและตอนบน

งานวิจัยบอกว่า โดยปกติแล้วปะการังจะสามารถฟื้นคืนได้ภายใน 10-20 ปี แต่ช่วงที่เว้นว่างจากภัยธรรมชาติและปัญหาอื่นๆ นั้นสั้นเกินไปทำให้ปะการังไม่สามารถฟื้นตัวได้ทัน ทั้งยังเป็นเรื่องยากที่จะหยุดยั้งพายุและภาวะปะการังฟอกขาว คำแนะนำจึงไปให้น้ำหนักกับการยับยั้งการเกิดของปลาดาวหนามที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแทน

อ่านข่าวนี้แล้วก็อดใจหายไม่ได้ว่าแนวปะการังที่ยิ่งใหญ่กำลังถูกคุกคามอย่างหนัก บ้านของมาร์ลินและนีโมกำลังค่อยๆ สูญหายไป แต่ดูเหมือนมนุษย์อย่างเราๆ จะออกตัวรับผิดชอบกับความเสียหายนั้นน้อยเกินไปหรือเปล่า จึงโยนความผิดส่วนใหญ่ให้กับภัยธรรมชาติ และปลาดาวหนาม กลายเป็นผู้รับเคราะห์ส่วนใหญ่ไป เพราะมนุษย์เราไม่รู้จะหาวิธีการจัดการกับสิ่งอื่นๆ อย่างไร...และอาจจะไม่อยากยอมรับว่าภัยธรรมชาติที่ทำร้ายปะการังส่วนหนึ่งก็เกิดขึ้นเพราะน้ำมือของมนุษย์ด้วยที่มีส่วนผลักดันให้อุณหภูมิสูงและการพัฒนาชายฝั่งทำให้เกิดมลภาวะทางน้ำเพิ่มขึ้น

ยังจำได้ว่า ตอนที่นีโมออกฉายครั้งแรกนั้น การท่องเที่ยวแถบเกรท แบร์ริเออร์ รีฟในช่วงฤดูร้อนนั้นบูมมาก เพราะทุกคนอยากจะไปเยี่ยมบ้านและตามหานีโม มาร์ลินและดอรี กัน รวมถึงข่าวว่ายอดสั่งซื้อปลาการ์ตูนในสหรัฐฯ สูงเป็นประวัติการณ์ เพราะใครๆ ก็อยากจะเลี้ยงนีโมด้วยความเอ็นดู ซึ่งก็ออกจะสวนทางกับสิ่งที่ Finding Nemo ต้องการสื่ออยู่ไม่น้อยว่า ไม่มีปลาหรือสัตว์น้ำตัวไหน อยากจะถูกขังอยู่ในตู้ปลาแคบๆ มากกว่าถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติอันกว้างใหญ่ แต่ดูเหมือนคนจะเพิกเฉยกับ massage นั้นมากกว่าความต้องการ “สัตว์เลี้ยงน่ารัก” ของตัวเอง หลายครั้งที่คนเรามักจะหลงลืมไปว่า การชื่นชมความงามของธรรมชาตินั้น ไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยการครอบครอง...

การกลับมาของนีโมในครั้งนี้ คงไม่ได้ก่อให้เกิดกระแสรุนแรงเหมือนครั้งก่อน และก็ได้แต่หวังว่า หลังจากเรื่องราวของ เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ ที่ออกมาในช่วงเดียวกันกับที่หนังกลับมาฉายใหม่ อาจจะช่วยจุดประกายความคิดเรื่องการอนุรักษ์ให้เกิดขึ้นบ้าง โดยที่ไม่หลงทางกันไปเหมือนคราวก่อน ... เพื่อให้สวรรค์ใต้น้ำและบ้านหลังใหญ่ของนีโมกับมาร์ลินจะได้คงอยู่ต่อไปอีกนานเท่านาน.



Country: Queensland, Australia
Capital: Brisbane
Population: 4.5 million
Film : Finding Nemo (2003) , Finding Nemo 3D (2012)
Directors: Andrew Stanton, Lee Unkrich
Casts (voices): Albert Brooks, Ellen DeGeneres, Alexander Gould


รักษ์ไม้,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,มูลไส้เดือนดิน,การเลี้ยงไส้เดือน,ปุ๋ยอินทรีย์,ปุ๋ยชีวภาพ

ปิดปรับปรุงระบบความคิดเห็นชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก หากลูกค้าต้องการเปิดใช้งานระบบ กรุณาติดต่อ 02-8323222 กด 2